เทศนา ภาคเช้า 2012-04-29
หัวข้อ: สามัคคีธรรมในครอบครัวของพระเจ้า
เอเฟซัส 4:1-16
โดย อ.พอล สมิธ
เราต้องเข้าใจว่าการที่เราเป็นคริสเตียนก็คือการที่เรามีความสัมพันธ์กับพระเจ้า และความสัมพันธ์ในครอบครัวของพระเจ้า คริสตจักรที่แท้จริงมีคริสตจักรเดียว คือ คริสตจักรของพระเจ้า ซึ่งประกอบด้วยประชากรของพระองค์ หรือที่เรียกว่าครอบครัวของพระเจ้า คนที่มาโบสถ์อาจจะไม่ใช่เป็นสมาชิกในครอบครัวของพระเจ้าก็เป็นได้ นอกจากคนที่ยอมรับว่าฉันเป็นคนบาป กลับใจใหม่ สารภาพบาปกับพระเจ้า หันกลับมาหาพระเจ้า ฉันได้ไว้วางใจในพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า และให้พระองค์ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดส่วนตัว และฉันเชื่อว่าพระเจ้าได้โปรดอภัยโทษบาป และชำระข้าพเจ้า เชื่อว่าพระเจ้าเป็นพระบิดาบนสวรรค์เพราะทรงประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้สถิตในชีวิตฉัน หากยืนยันถึง 4 ประการเหล่านี้ ผู้นั้นก็จะเป็นบุตรของพระเจ้าอย่างแท้จริง และเป็นสมาชิกในพระวรกายของพระคริสต์ที่เรียกว่า “คริสตจักรแท้ของพระเจ้า”
อ.เปาโลได้สอนเกี่ยวกับสัจธรรมที่สำคัญในพระธรรมเอเฟซัส เรื่องครอบครัวของพระเจ้านั่นคือ คริสตจักร บทที่ 4 : 1-16 เราเห็นความจริง 4 ประการ ดังนี้
- ทัศนคติและพฤติกรรมในครอบครัวของพระเจ้า
- พระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าเอง
- ของประทานของพระคริสต์ ที่ทรงประทานให้คริสตจักร
- จุดประสงค์แห่งของประทานเหล่านั้น
1. ทัศนคติและพฤติกรรมในครอบครัวของพระเจ้า ข้อ 1 ท่านเตือนเราให้มีชีวิตที่สมกับการทรงเรียก การทรงเรียกนี้มาจากพระเจ้า ดังนั้นเราเองต้องรับผิดชอบในการมีชีวิตอย่างสมควรหรือเหมาะสม ข้อ 2-3 อ.เปาโลชี้แจงความหมายในการดำเนินชีวิตอย่างสมควร 3 ประการ คือ
- ความถ่อมใจและอ่อนสุภาพอย่างที่สุด ความถ่อมใจและความอ่อนสุภาพไปด้วยกัน ถ้าไม่ถ่อมตัวอันเนื่องมาจากความถ่อมที่อยู่ในใจก็จะไม่มีวันเกิดการอ่อนสุภาพที่แท้จริงได้ การมีชีวิตที่อ่อนสุภาพหมายถึงความใจดีและปราศจากการเห็นแก่ตัว บางคนที่เรียกตัวเองว่าคริสเตียน แต่วิญญาณ ทัศนคติ พฤติกรรม เหมือนคนที่ไม่สนใจพระเจ้า ทำให้ไม่น่าแปลกใจที่ในครอบครัวของพระเจ้ามีความรักแท้ และเอกภาพน้อยนัก
- จงอดทนต่อกันและกันในความรัก (ข้อ 2) บรรดาผู้อาวุโสควรเป็นแบบอย่างให้กับคนหนุ่มคนสาวในเรื่องการอดทนและสำแดงความรัก หากพวกเขาไม่เห็นความอดทนและความรักที่แท้จริง เขาจะมีประสบการณ์กับการอดทนและความรักจากพระเจ้าได้อย่างไร?
- พยายามคงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในพระวิญญาณของพระเจ้า และฤทธิ์อำนาจของสันติสุขอย่างแท้จริง (ข้อ 3)
โคโลสี 3:15 “และจงให้สันติสุขของพระคริสต์ครองจิตใจของท่าน พระเจ้าทรงเรียกท่านไว้ให้เป็นกายเดียวด้วยเพื่อสันติสุขนั้นและท่านจงมีใจกตัญญู” มีสันติสุขแท้และสันติสุขจอมปลอมเกิดขึ้น แม้ในครอบครัวของพระเจ้าได้ เราถูกเรียกให้มีความถ่อมใจและอ่อนสุภาพอย่างแท้จริง รวมทั้งการมีความอดทนต่อกันและกันในความรักของพระเจ้า และพยายามอย่างยั่งที่จะรักษาเอกภาพและการเข้ากันได้ ภายใต้พระวิญญาณบริสุทธิ์ อันจะนำมาซึ่งสันติสุขที่แท้จริง สันติสุขแท้ที่พระเยซูทรงสัญญาไว้กับประชากรของพระองค์บันทึกอยู่ใน ยอห์น 14:27 “เรามอบสันติสุขไว้ให้แก่ท่านทั้งหลาย สันติสุขของเราที่ให้แก่ท่านนั้น เราให้ท่านไม่เหมือนโลกให้ อย่าให้ใจของท่านวิตกและอย่ากลัวเลย”
2. พระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าเอง ในข้อ 4-6 เราเห็นความจริง 7 ประการ
- มีพระกายเดียว คือ คริสตจักรของพระคริสต์
- มีพระวิญญาณเดียว คือ พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า
- มีความหวังเดียว คือ ความหวังเนื่องในการทรงเรียกของพระเจ้า
- มีองค์พระผู้เป็นเจ้าเดียว คือ พระบิดาและพระเยซูคริสต์
- มีความเชื่อเดียว คือ คำสอนแท้ของพระเจ้า
- มีบัพติสมาเดียว คือ การบัพติสมาด้วยน้ำในพระนามของพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์
- มีพระเจ้าองค์เดี่ยวและพระบิดาแห่งสรรพสิ่ง ผู้อยู่เหนือ และในสรรพสิ่ง โรม 11:36 “เพราะสิ่งสารพัดมาจากพระองค์ โดยพระองค์ และเพื่อพระองค์ ขอพระสิริจงมีแด่พระองค์สืบๆ ไปเป็นนิตย์ อาเมน”
พระเจ้าทรงแทรกซึมอยู่ในสรรพสิ่งที่พระองค์ทรงสร้าง ทรงสถิตทั่วทุกหนแห่ง ไม่มีใครหลบหนีจากพระเจ้าได้ ใครก็ตามที่พยายามทำเช่นนั้น ใคร่ครวญ กลับใจ หันมาหาพระเจ้า และเผชิญหน้ากับพระองค์ด้วยความจริงใจ จัดการกับสถานการณ์เช่นนั้น
3. ของประทานของพระคริสต์ ที่ทรงประทานให้คริสตจักร ในข้อ 11 เราเห็นของประทาน 5 ประการ คือ อัครทูต ผู้พยากรณ์ ผู้ประกาศข่าวประเสริฐ ศิษยาภิบาล และอาจารย์ ตลอดทั้งเล่มในพระคัมภีร์ใหม่ ได้เขียนถึงอัครทูตหลายคนซึ่งพระเยซูถ่ายทอดคำสอนของพระองค์ผ่านมาทางเขาเหล่านั้น ซึ่งในสมัยนี้ไม่มีแล้ว แต่พวกเขาได้เป็นของประทานจากพระเยซูสู่ประชากรของพระองค์
คนมักคิดเกี่ยวกับผู้พยากรณ์หรือผู้เผยพระวจนะในพระคัมภีร์เดิมมากกว่าพระคัมภีร์ใหม่ ซึ่งผู้เผยพระวจนะเหล่านี้ ได้มีอยู่จริงในคริสตจักรในทุกวันนี้ คำว่า “ผู้เผยพระวจนะ” มีความหมายคือ การเป็นผู้สื่อสารของพระเจ้า คนเหล่านี้มีหูเพื่อฟังพระสุรเสียง มีหัวใจเพื่อการเชื่อฟังพระคำ และเขาพร้อมที่จะถ่ายทอด สอน เรื่องราวสาระที่พระเจ้าต้องการสื่อสารกับเรา
ผู้ประกาศข่าวประเสริฐคือผู้มีภาระใจต่อผู้คนนอกคริสตจักร ที่ไม่มีโอกาสได้ยินข่าวสารแห่งความรักและความรอดของพระเจ้า เขามักจะจัดกิจกรรมพิเศษ แสวงหาโอกาสในการแบ่งปันข่าวประเสริฐ เชื้อเชิญผู้คนที่จะมารับฟัง โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะบอกคนอื่น ๆ เรื่องความรักของพระเจ้าและความรอดในองค์พระเยซูคริสต์ งานของผู้ประกาศข่าวประเสริฐเป็นการทรงเรียกพิเศษที่มีมาถึง บรรดาบุตรแท้ทั้งหลายของพระเจ้า เพื่อให้เป็นพยานต่อครอบครัว เพื่อนและคนอื่นๆ
พระเจ้าทรงเรียกบางคนเป็นศิษยาภิบาลในคริสตจักรของพระองค์ เพื่อรับผิดชอบดูแลฝูงแกะของพระเจ้า และสอนพวกเขาถึงพระคำของพระเจ้า จัดกิจกรรมพิเศษต่าง ๆ เช่น พิธีบัพติสมา พระเยซูทรงประทาน ศิษยาภิบาลไว้ในคริสตจักรเพื่อเป็นผู้นำจิตวิญญาณ โดยการเตรียมอาหารฝ่ายจิตวิญญาณ การให้คำปรึกษาในทางของพระเจ้า และดูแลเอาใจใส่ด้านจิตวิญญาณต่อคนที่มีความต้องการ
นอกจากศิษยาภิบาลแล้ว พระเยซูยังทรงประทานอาจารย์ไว้ใน คจ.ของพระองค์ อาจารย์ทุกท่านไม่ว่าจะเป็นเด็ก คนหนุ่มสาว ผู้ใหญ่ ก็คือของประทานจากพระเจ้า
มิชชันนารี ศิษยาภิบาล ผู้ประกาศข่าวประเสริฐ และบรรดาผู้รับใช้ทั้งหลายของพระเจ้า สิ่งสำคัญประการแรกให้เราไว้วางใจพระเยซูคริสต์ เมื่อมีเด็ก ๆ หรือคนหนุ่มสาวในชั้นเรียนรวีฯ พี่น้องที่กำลังช่วยเรื่องการสอนพระวจนะ ขอพระเจ้าโปรดประทานความรับผิดชอบอย่างจริงจัง ทำดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
4. จุดประสงค์แห่งของประทานเหล่านั้น (ข้อ 12-13)
- เพื่อช่วยคนของพระเจ้าให้กลายเป็นผู้ติดตามพระเยซูอย่างสมบูรณ์เพื่อที่คนเหล่านั้นจะทำงานรับใช้ด้านต่าง ๆ อีกแง่หนึ่งก็คือ ศิษยาภิบาลและอาจารย์ควรฝึกธรรมิกชนให้รู้จักรับใช้พระเจ้า
- ฝึกและสอนจนกว่าเราจะไปถึงเอกภาพในหลักความเชื่อของเรา และเพื่อจะเข้าใจความรู้ที่เต็มขนาดและถูกต้องเกี่ยวกับพระบุตรของพระเจ้า
- เพื่อช่วยให้ผู้คนเติบโตฝ่ายจิตวิญญาณ
- เราไม่ควรอยู่ในสภาวะเด็กฝ่ายวิญญาณ แต่เราต้องพูดความจริงด้วยใจรัก
- พระวรกายอันหมายถึงผู้เชื่อทั้งหลายจะร่วมมือกันและพยุงกันเพื่อพระวิญญาณของพระเจ้าจะนำการเติบโตสู่การเป็นผู้ใหญ่ และสร้างชีวิตในความรัก
คำถาม : ท่านได้พยายามทำสิ่งต่าง ๆ อย่างสุดความสามารถ อธิษฐานทุกวันเพื่อให้วัตถุประสงค์ของพระเยซูที่มีต่อคริสตจักรวัฒนาของเรานั้นสำเร็จ และคจ.ของพระเจ้าทุกแห่งในประเทศไทยด้วย