100 ปี สืบสานและส่งต่อ

มีนาคม 2023 : เดือนแห่งการเข้าสู่ธรรม

รักคือการกระทำที่เสียสละ

By: ดารณี วราเศษฐ์. Posted in สารอภิบาล

คุณเดฟ ซิมมอนด์ ได้แบ่งปันเรื่องราวที่น่ารักของลูกไว้ว่า ผมได้พาลูกสาวชื่อว่า เฮเลน (อายุ 8 ขวบ) และ แบรนดอน (5 ขวบ) ไปที่ห้างสรรพสินค้า เพื่อซื้อของใช้ต่างๆ ...

ในระหว่างที่กำลังเดินเข้าไปในห้าง ลูกๆ เห็นป้ายใหญ่เขียนว่า “สวนสัตว์เลี้ยง” (สวนสัตว์เลี้ยงในห้างนั้น เป็นบริเวณที่มีห้างสรรพสินค้ากั้นขึ้นเพื่อนำเอา ลูกสุนัข ลูกแมว และสัตว์เล็กๆกว่า 100 ตัว มาเพื่อให้เด็กได้มาเล่น ลูบคลำ ให้อาหาร และใช้เวลากับสัตว์เลี้ยงน่ารัก โดยจ่ายค่าเข้า และสามารถเข้าไปใช้เวลากับสัตว์ต่างๆ ได้ โดยในบริเวณดังกล่าว จะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลความปลอดภัยของเด็กๆ และสัตว์ต่างๆ ในขณะที่พ่อแม่ไปจับจ่ายซื้อของในห้าง) ลูกๆ ก็ร้องขอที่จะไปเล่นในสวนสัตว์นั้น ซึ่งผมก็อนุญาต
ผมให้เงินกับเฮเลน และแบรนดอน คนละ 25 เซ็นต์ เพื่อเป็นค่าเข้า และให้เฮเลนพาน้องไปเข้าสวนดังกล่าว ส่วนผมก็เดินออกมาเพื่อจะไปซื้อของใช้ ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นผมหันหลังมาก็พบว่า เฮเลนเดินตามผมมา ผมก็รู้สึกแปลกใจว่าทำไมเฮเลนถึงไม่เข้าไปที่สวนนั้น ผมรู้ว่าเฮเลนชอบเล่นกับลูกสุนัข และสัตว์ต่างๆ มากที่สุด แต่ทำไมครั้งนี้ถึงเลือกที่จะมาเดินซื้อของกับผม ผมจึงถามเฮเลนว่า เกิดอะไรขึ้น เฮเลนมองหน้าผม และบอกว่า “พ่อคะ ค่าเข้าสวนสัตว์ ราคา 50 เซ็นต์ หนูเลยเอา 25 เซ็นต์ของหนูให้แบรนดอน ความรักคือการแสดงออกผ่านการกระทำ” ประโยคสุดท้ายที่เฮเลนพูด คือคำขวัญประจำของบ้านเรา เฮเลนมักจะได้ยินเสมอ เวลาที่ผมและภรรยาดูแลกันและกัน หรือทำบางสิ่งให้กัน เรามักจะพูดประโยคนี้ “รักคือการกระทำ” จนกลายเป็นคำติดปากของบ้านเรา และในวันนี้ประโยคนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเฮเลนด้วย วันนั้น ผมพาเฮเลนไปซื้อของกับผม และเมื่อเราซื้อและทำธุระต่างๆ เสร็จ ผมพาเฮเลนมาที่สวนสัตว์เลี้ยง เรายืนอยู่ที่รั้วด้วยกันดูแบรนดอนเล่น และให้อาหารกับสัตว์ต่างๆ เฮเลนยืนอยู่ที่รั้วดูน้องชาย ผมมีเงิน 50 เซ็นต์ในกระเป๋า แต่ผมไม่ได้เอาให้เฮเลน และเฮเลนเองก็ไม่ได้ร้องขอด้วย
รักคือการกระทำ แต่ไม่เพียงเท่านั้น “รักคือการกระทำที่เสียสละ” ความรักมักต้องจ่ายค่าและราคาเสมอ ความรักเป็นสิ่งที่มีราคาสูง เมื่อเราเลือกที่จะรัก หมายความถึงการพร้อมที่จะเสียสละบางสิ่ง ความรักคือการให้ ไม่ใช่การได้รับ เฮเลนให้เงิน 25 เซ็นต์กับแบรนดอนด้วยความเต็มใจ และเสียสละ เธอได้แสดงออกความรักที่เสียสละ และการเสียสละอาจจะได้สิ่งใดตอบแทน แต่ได้รู้สึกมีประสบการณ์กับความรักผ่านการกระทำที่เสียสละ ได้ให้ด้วยความเต็มใจ Dave Simmons, Dad, The Family Coach, Victor Books, 1991, pp. 123-124.
  • ยอห์น 14:15 “ถ้าท่านทั้งหลายรักเรา ท่านก็จะประพฤติตามบัญญัติของเรา”
  • ยอห์น 14:21 “ผู้ใดที่มีบัญญัติของเรา และประพฤติตามบัญญัตินั้น ผู้นั้นแหละเป็นผู้ที่รักเรา”
  • ยอห์น 14:23 “ถ้าผู้ใดรักเรา ผู้นั้นจะประพฤติตามคำของเรา” 
พระธรรมยอห์น 3 ข้อนี้ กล่าวว่า “ถ้าผู้ใด ถ้าท่าน รักเรา...” ถ้าท่านรักพระองค์ท่านจะประพฤติตามสิ่งที่พระองค์ได้สอน ถ้าท่านรักพระเยซู ท่านจะดำเนินชีวิตตามสิ่งที่พระองค์ได้วางแบบอย่างไว้ พระเยซูคริสต์ได้ดำเนินชีวิตของพระองค์เป็นเครื่องพิสูจน์ความรักของพระองค์ผ่านการกระทำเสมอ ความรักที่สำแดงออกจากชีวิตของพระเยซูนั้นชัดเจน และลึกซึ้ง เริ่มต้นด้วยการที่พระเยซูคริสต์ดำเนินชีวิตอยู่ในแผ่นดินโลก เป็นความรักผ่านการกระทำที่เสียสละของพระเจ้า ที่ทรงให้พระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เข้าในแผ่นดินโลกนี้ในฐานะของมนุษย์ เพื่อวางแบบอย่างไว้ให้กับเรา และที่บนกางเขน คือความรักคือการเสียสละที่ยิ่งใหญ่ เป็นการสำแดงความรักระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ “ในพวกเราไม่มีผู้ใดมีชีวิตอยู่เพื่อตนเองฝ่ายเดียว และไม่มีผู้ใดตายเพื่อตนเองฝ่ายเดียว  ถ้าเรามีชีวิตอยู่ ก็มีชีวิตอยู่เพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า และถ้าเราตายก็ตายเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า เหตุฉะนั้นไม่ว่าเรามีชีวิตอยู่หรือตายไปก็ตาม เราก็เป็นคนขององค์พระผู้เป็นเจ้า  เพราะเหตุนี้เอง พระคริสต์จึงได้ทรงสิ้นพระชนม์และได้ทรงคืนพระชนม์อีก เพื่อจะได้เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าของคนตายและคนเป็น” โรม 14:7-9
 
อาจารย์เปาโล เขียนจดหมายฉบับนี้เพื่อเตือนสติพี่น้องคริสเตียนในคริสตจักรที่กรุงโรม ในบทที่ 12 ท่านอธิบายคุณลักษณะของคนที่มีชีวิตใหม่ในพระคริสต์ การอยู่ร่วมกันและคำเตือนในการดำเนินชีวิตคริสเตียน เมื่อเราอ่านในบทที่ 14 ตอนต้น พอจะสันนิษฐานได้ว่า พี่น้องในคริสตจักรมีการทุ่มเถียง มีข้อขัดแย้งในเรื่องความเชื่อที่แตกต่างกัน พระธรรมโรมตอนนี้ อาจารย์เปาโล ถามเป็นนัยว่า “ท่านทราบหรือไม่ว่าท่านมีชีวิตอยู่เพื่อใคร?” เรามีชีวิตอยู่ทุกวันนี้เพื่อใคร? อาจารย์เปาโลเขียนเตือนผู้เชื่อทั้งหลายว่า ให้เอาพระคริสต์เป็นที่ศูนย์กลางแห่งชีวิต “ในพวกเราไม่มีผู้ใดมีชีวิตอยู่เพื่อตนเองฝ่ายเดียว และไม่มีผู้ใดตายเพื่อตนเองฝ่ายเดียว ถ้าเรามีชีวิตอยู่ ก็มีชีวิตอยู่เพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า” นี่คือสิ่งที่เราจำเป็นต้องเตือนสติตัวเองเสมอ ว่าเรามีชีวิตอยู่ มิใช่อยู่เพื่อตนเอง เราต้องมีชีวิตอยู่เพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า 
ในภาษาอังกฤษมีคำว่า “Churchgoer” คือคนที่ไปโบสถ์ และคำว่า “Faithful Believer” ผู้มีความเชื่อศรัทธา คนที่เป็น churchgoer อาจจะไม่ใช่ faithful believer ขอให้เราสำรวจชีวิตของเราว่า เราเป็นคริสเตียนประเภทไหน คริสเตียนคือผู้ที่มีศรัทธาในชีวิตของพระคริสต์ และปวารณาตนติดตามพระองค์ และปรารถนาที่จะมีชีวิตเหมือนพระองค์ ชีวิตต้องเลือก ทุกๆวันของเรานั้นอยู่ในทางแยกแห่งชีวิตเสมอ เราต้องเลือกว่าจะไปซ้ายหรือขวา เลือกจะทำอะไรและไม่ทำอะไร ฉะนั้นของให้เราใช้อิสระเสรีของเรานั้นเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า อย่าใช้เสรีภาพนำไปสู่ทางแห่งความบาป จงระลึกเสมอว่า “เพราะเหตุนี้เอง พระคริสต์จึงได้ทรงสิ้นพระชนม์และได้ทรงคืนพระชนม์อีก เพื่อจะได้เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา” 
 
ในช่วงเทศกาลเข้าสู่ธรรม เป็นช่วงเวลาที่เราทุกคนเอาชีวิตของเรา เข้าสู่กระบวนการขัดเกลาด้วยความรักของพระเจ้า ขอใช้เวลาช่วงนี้พิจารณาตนเอง ใคร่ครวญชีวิตว่ามีส่วนใดที่สมควรปรับเปลี่ยน เพื่อให้เราสามารถมีชีวิตตามแบบอย่างของพระคริสต์ รักด้วยเต็มใจ รักพร้อมเสียสละ รักของพระเจ้าที่เข้ามาสู่ชีวิตเรา คือการเสียสละอันยิ่งใหญ่ รักของพระเจ้าคือ การกระทำที่เสียสละ พระองค์รักเรามากพอที่จะให้ทั้งชีวิตของพระองค์เพื่อเราจะมีโอกาสเป็นคนที่ดีขึ้น ขอให้ช่วงเวลาเข้าสู่ธรรมนี้ เราจะรักได้คนอื่นๆ ได้มากขึ้น มีชีวิตที่ดีขึ้น เป็นคนที่พระเจ้าพอพระทัยมากขึ้นในทุกวัน